Compatibility

 มันเป็นวันธรรมดาที่น่าเบื่อเช่นเคย... ทุกคนต่างยิ้มแย้ม แต่แววตาพวกนั้นกลับตรงกันข้ามกับสีหน้าที่แสดงออกมา


"สนใจรับเบเกอรี่เพิ่มไหมคะ? ทางเรามีโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1"


"ไม่ครับ"


ผมตอบตัดบทออกไป โดยตายังคงมองมือถือ อีกมือหยิบธนบัตรจ่ายค่ากาแฟอย่างไว อยากกลับแล็ปเร็วๆแล้ว ทำไมเครื่องชงกาแฟต้องมาเสียตอนนี้ด้วย ไม่อยากออกมาตอนเช้าเลย...


ในที่สุด...


ทันทีที่ถึงคิว ผมรับกาแฟร้อน อย่างรวดเร็วและระมัดระวัง เตรียมเดินออกจากร้านสะดวกซื้อ ที่ประตูนั้นเอง ผมก็ได้พบ...


แววตาที่แตกต่างจากคนอื่นๆ แววตานั้น... ทำไมกัน... ความรู้สึกนี้... อยากได้เหลือเกิน...


ผมได้แต่เก็บอารมณ์เอาไว้ รุดกลับไปสืบข้อมูลทันที จากท่าทางคงจะเป็นคนในพื้นที่ แบบนั้นก็หาไม่ยาก การเข้าถึงก็เช่นกัน ในยุคสมัยที่การติดต่อสื่อสารสะดวก ไม่นานก็เอื้อมมือไปถึงตัว พอได้พูดคุยก็ยิ่งอยากได้ขึ้นไปอีก 


ไม่กี่วันต่อมาก็ได้เดินทางเพื่อพามาที่แล็ป แน่นอนว่าเป็นการเจรจา ผมเองก็ไม่ใช่คนใจร้ายที่จะใช้วิธีลักพาตัวที่สร้างเรื่องยุ่งยากหรอกนะ


หลังจากที่ได้สบตากันตรงๆต่างฝ่ายต่างก็เหมือนรู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบสนองสิ่งที่ตัวเองต้องการ และการเจรจาก็ได้เริ่ม


ราบรื่น... ราบรื่นกว่าที่ควร... เด็กคนนั้นเองดูเหมือนจะรู้จุดประสงค์ของผม แต่ก็ไม่มีทีท่าที่จะขัดขืน หรือหนี ในระหว่างที่เจรจา จนถึงเดินทาง โชคดีที่ให้คนอื่นขับรถให้ เลยได้นั่งพูดคุยกันเต็มที่ ไม่ถนัดชวนคุยเรื่องทั่วไปเท่าไหร่ แต่เธอก็คุยตอบมาตลอด แม้ว่าดวงตาคู่นั้นจะมองออกนอกหน้าต่างตลอดทางเลยก็ตาม


ปกติคนที่พามามักจะไม่ไว้ใจ หวาดกลัว หรือพยายามที่จะหนี แต่เด็กคนนี้กลับนั่งเฉยราวกับว่าไม่ได้รู้สึกกลัวกับสิ่งที่เจอเลยแม้แต่น้อย



ทันทีที่มาถึงแล็ป ผมก็พาทัวร์โซนต่างๆที่เธอจะสามารถเข้าถึงได้ ดูเหมือนจะสนใจเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ให้พักผ่อนหลังจากที่เดินทางมาไกล


วันรุ่งขึ้นเริ่มการทดลอง โปรเจ็คที่ผมดูแลเป็นการเสริมประสิทธิภาพของร่างกาย แน่นอนว่าผลข้างเคียงมันทรมานสุดๆเลยล่ะ~ 


ในตอนแรกดูเหมือนว่าจะมีความกลัวต่อการฉีดยา แต่ก็ให้ความร่วมมือดีกว่าที่คิด ไม่นานยาก็ออกฤทธิ์ร่างเล็กลงไปนอนกับพื้น ความเจ็บปวดที่แล่นไปตามเส้นเลือดทั้งร่าง ทำให้ขดตัวกำชายเสื้อกราวน์มือแน่น สีหน้าที่เจ็บปวดทรมาน แต่แววตากลับส่องประกายยิ่งกว่าดวงตาคู่ไหนๆที่เคยเจอสบตากับผม ความตื่นเต้นทำให้ต้องยืนดู เด็กน้อยที่นอนนํ้าตาไหลด้วยจากความเจ็บปวดจนอยากจะให้ทุกอย่างจบตรงนั้น จนหมดฤทธิ์ของยา 


“....”


เสียงหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า แม้ว่าจะรู้สึกเหมือนร่างกายถูกฉีกเป็นชิ้น ก็ไม่มีเสียงร้อง หรือขอความช่วยเหลือ ดูเหมือนว่าจะไม่มีแรงที่จะลุกแล้ว แต่สำหรับขั้นแรกก็ถือว่าดี เพราะส่วนใหญ่มักจะทนไม่ค่อยได้กัน 


ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจ ทั้งที่ปกติจะให้คนอื่นจัดการ แต่ครั้งนี้ผมเลือกที่จะพาเธอกลับไปห้องพักเอง มือหนาค่อยๆช้อนร่างที่ดูบอบบางนั้นขึ้นมา ดวงตาดวงน้อยหันมายิ้มเล็กน้อยอย่างพิใจด้วยแรงที่แทบจะหมด ราวกับว่าจะเอ่ยบางอย่าง มองตาก็รู้ใจเหมือนกับรับรู้สิ่งที่เธอจะสื่อได้อย่างชัดเจน


{ทำได้ดีรึเปล่า?}


มันทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้นโดยไม่รู้ตัว


"เธอจะต้องเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่ยอดเยี่ยมมากแน่ๆ"


อ่ะ... แย่ล่ะ เพราะมัวแต่สนใจแววตานั่นเลยเผลอหลุดออกไป จะพยายามหนีเหมือนคนก่อนหน้าอีกแน่เลย

"เป็นได้หรอ?"


คำถามทำให้ผมสะพรึงไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเผยรอยยิ้มอย่างไม่ซ่อนเร้นเหมือนที่ทำกับคนอื่นๆอีก พร้อมสวมกอดอย่างถนุถนอม


"เป็นได้สิ เป็นได้แน่นอน"


แววตาแบบนั้น ต้องเห็นโลกแบบไหนมาบ้างนะ ถึงมีแววตาที่น่าหลงไหลขนาดนี้ อยากเห็นอีก อยากเห็นมากกว่านี้ แววตาที่ส่องประกายในยามที่เจ็บปวดทรมาน

[Will you be my masterpiece?]